กลางสัปดาห์นี้ มีโปรแกรมฟุตบอลให้ลุ้นกันสนุกเพียบ ทั้งพรีเมียร์ลีก

และ แชมเปี้ยนชิพ นี่คือ 4 ตัวเต็งที่เราคัดสรรมาแล้วว่า มีแนวโน้มคว้าชัยทั้งชุด!เบรนท์ฟอร์ด – เชลซีเชลซี ไร้พ่ายใน 6 นัดแรกภายใต้การนำของ แกรห์ม พ็อตเตอร์ โดยชนะถึง 5 รวมถึงการบุกสอย แอสตัน วิลล่า 2-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาด้วย ถือว่าผลงานร้อนแรงทีเดียวนิวคาสเซิ่ล ขาดกองหน้าตัวเก่งทั้ง อเล็กซานเดอร์ อิซัค และ อัลลัน แซงต์-แม็กซิแม็ง

ในการเยือน เอฟเวอร์ตัน ทว่า “สาลิกาดง” กำลังมั่นใจดีเดียว และดูแล้วมีศักยภาพพอจะบุกไปชนะที่ กูดิสัน พาร์ค ได้บอร์นมัธ ยังไม่แพ้ใครเลยในพรีเมียร์ลีกนับตั้งแต่โดน ลิเวอร์พูล ถลุง 9-0 เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม และพวกเขาก็ยังคงเดินหน้าสานฟอร์มแกร่งต่อไปในการดวล เซาธ์แฮมป์ตันบอร์นมัธ จะชนะ เซาธ์แฮมป์ตันมิลล์วอลล์ – วัตฟอร์ดวัตฟอร์ด มีตัวทีเด็ดทั้ง ไคแนน เดวิส และ อิสไมล่า ซาร์ ซึ่งโดยรวม พวกเขาเฉียบคมพอจะบุกไปดับซ่าส์ มิลล์วอลล์ ที่ เดอะ เดน ได้เปิดโปรแกรม พรีเมียร์ลีก 5 นัดต่อไปของทั้ง อาร์เซน่อล, แมนฯ ซิตี้, เชลซี, สเปอร์ส, แมนฯ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล ก่อนที่จะหยุดพักเบรกให้กับฟุตบอลโลก 2022
มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีม อาร์เซน่อล สามารถนำทัพ “ปืนใหญ่” ทวงบัลลังก์จ่าฝูง พรีเมียร์ลีก กลับมาครอบครองได้อีกครั้ง

หลังจากที่เปิดรัง เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เฉือนชนะ ลิเวอร์พูล ไปอย่างสุดมันส์ 3-2

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม ที่ผ่านมาอาร์เซน่อล ลงเล่นไปแล้ว 9 นัด มี 24 คะแนน นำ แมนฯ ซิตี้ แค่แต้มเดียวเท่านั้น ขณะที่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ อยู่ที่ 3 มี 20 คะแนน ส่วน เชลซี รั้งอันดับ 4 มี 16 คะแนนจาก 8 เกม ตามมาด้วย แมนฯ ยูไนเต็ด 15 แต้มจาก 8 เกม ด้าน ลิเวอร์พูล หล่นไปอยู่ถึงที่ 10 แล้ว หลังเล่นไป 8 นัดมีแค่ 10 แต้ม

ระบบการเล่นไม่ใช่ 4-3-3 เหมือนผังที่ขึ้นในการถ่ายทอดสดแน่เพราะดาร์วินนูนเญซเล่นเป็นหัวหอกตัวเป้าโดยมี โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ เป็นตัวสนับสนุนขนาบข้างด้วย ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่างซ้ายและฮาวี่ย์เอลเลียตต์ทางขวาคู่กลางคือจอร์แดนเฮนเดอร์สัน กับ ฟาบินโญ่โจ โกเมซ เป็นแบ็คขวาแทน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ที่เจ็บขณะที่อิบราฮิมาโกนาเต้ลงแทนโฌแอล มาติ๊ปเรียกว่าเป็นชุดเกือบใหญ่แล้วกันกระนั้นก็ยังดูดีกว่าและเหนือกว่าเจ้าบ้านเยอะคือเล่นกันเหมือนคนเพิ่งตื่นนอนอีกแล้ว ต่อบอลกันขาดๆ เกินๆ ดูสะเปะสะปะชอบกลจนตั้งเกมของตัวเองไม่ได้สักทีทันใดก็ถูกคู่แข่งขึ้นนำก่อนตามสูตรอันนี้กลายเป็นเรื่องปกติของพวกพรี่ๆ เขาไปแล้ว แถมยังเป็นอีกครั้งและอีกครั้งและอีกครั้งที่เสียประตูง่ายๆ

จังหวะที่ สก๊อตต์ อาร์ฟิลด์ สับไกยิงให้ เรนเจอร์ส นำ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ หายไปไหนก็ไม่รู้ ???หลังจากนั้น อาการของ ลิเวอร์พูล ก็ยังไม่ดีขึ้นสักเท่าไหร่ รูปเกมก็มิได้เหนือกว่าเจ้าถิ่นตามชื่อชั้นของผู้เล่นที่เหนือกว่าจนเกือบเสียประตูที่ 2 อยู่รอมร่อ

ติดตามบทความข่าวสารอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ port-mansfield.com